น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน Carlack Nano Systematic Care
Description
น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน
คุณสมบัติ
น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค นาโน ประกอบด้วยสารซึ่งทำหน้าที่ต่างกัน 4 ประเภท ดังนี้
- สารปกป้องสีรถยนต์ (Conserving Agents)
- สารที่ทำให้สีรถดูเป็นประกายสดใส และดูใหม่เสมอ (Shining Agents)
- สารทำความสะอาดผิวสี (Cleaning Agents)
- สารป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ที่เกิดจากแสงแดด (Ultraviolet (UV) Protective Agents)
การผลิตน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค โดยการนำสารทั้ง 4 ประเภทมาผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของโรงงานในประเทศเยอรมันเท่านั้น อุณหภูมิระหว่างการผลิตจะสูงกว่าน้ำยาเคลือบสีอื่นๆทั่วไปมาก
สารประกอบสำคัญ น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน ซึ่งประกอบไปด้วยสารโพลีเอทธีลิน (Polyethylene-Concentrate สารอะครีลิค (Acrylic Concentrate) สารป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV Protective Filter) ชนิดเข้มข้น และสารทำความสะอาดผิวสี (Cleaning Agents) ทำให้น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำมาใช้งานได้เอนกประสงค์และใช้งานง่ายเพียงขั้นตอนเดียว
- สามารถทำความสะอาดผิวสี โดยไม่ทำลายหรือขัดผิวสีให้บางลงเหมือนน้ำยาขัดเงาทั่วไป น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค สามารถขจัดคราบไคลที่ผังแน่น,ยางไม้,ยางมะตอย,มูลนก,คราบน้ำมัน, และเขม่าจากท่อไอเสียรถยนต์,คราบสนิม,คราบซิลิโคน,ที่เกิดจากยางรถยนต์ตลอดจนคราบสกปรกต่างๆ ที่เกาะอยู่ตามผิวสีรถ, กระจกและโครเมี่ยม
- ในขณะที่เคลือบสีรถนั้น สารต่างๆ ในน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 จะแปรสภาพเป็นฟิล์มแข็งและใส เคลือบทับผิวสีรถทำให้ผิวสีรถมีความเงางามสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งคัน และทำให้ผิวสีรถแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม สีรถจะไม่กรอบแตก ป้องกันรอยขีดข่วน ทนต่อมลภาวะต่างๆได้ดี เช่น กรดจากมูลนก, น้ำฝน,น้ำค้าง,ยางไม้,มลภาวะที่มีสภาพเป็นด่าง,แอลกอฮอล์, น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
- น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค สามารถทนอุณหภูมิได้สูงถึง 160 องศาเซลเซียส หรือ 320 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อจอดรถตากแดด ชั้นฟิล์มของน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 ที่เคลือบบนผิวสีรถจะไม่สลายตัวหรือเหนียวเหนอะ ตรงข้ามกับน้ำยาเคลือบสีที่ผสมด้วยแว็กซ์ (Wax) เป็นหลัก ซึ่งจะหลอมเหลวที่อุณหภูมิระหว่าง 40-70 องศาเซลเซียส เมื่อแว็กซ์โดนความร้อนจากแสงแดด จะละลาย เหนียว ฝุ่นเกาะง่าย สีรถจะมองดูเป็นคลื่น หรือเงาเป็นชั้นๆ ไม่สม่ำเสมอ มองเห็นเป็นรอยขนแมว หรือรอยคล้ายใยแมงมุมบนผิวสีรถ อีกทั้งยังมีโอกาสที่ผิวสีรถ จะขึ้นฝ้าหรือมองดูหมองมัวอีกด้วย
- เมื่อเคลือบสีด้วยคาร์แลค ผิวสีรถจะมีความลื่น น้ำจะไม่เกาะผิวสี เช็ดออกง่าย เวลาล้างรถก็จะเร็วและง่ายขึ้น สามารถล้างรถด้วยแชมพูล้างรถทุกชนิดได้ เนื่องจากแชมพูล้างรถไม่สามารถทำลายสารเคลือบสีของน้ำยาคาร์แลค 68ได้
- น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค มีสารป้องกันรังสียูวี ชนิดเข้มข้น ทำให้ผิวสีรถสามารถสะท้อนรังสียูวีได้สูงถึง 72% ซึ่งสูงกว่าน้ำยาเคลือบสีทั่วไปถึง 47.5% ซึ่งรังสียูวีส่งผลให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพก่อนถึงเวลาอันสมควร
- น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง จึงไม่ติดไฟ ไม่กัดผิวหนัง ไม่มีสารกัดกร่อนจึงไม่กัดทำลายยางขอบประตูรถ, ยางใบปัดน้ำฝน, วัสดุที่เป็นพลาสติก, สายไฟ, ไวนิล และส่วนประกอบอื่นๆ ของรถยนต์ ดังนั้นน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 จึงสามารถใช้กับกระจกรถ,โครเมี่ยม, ล้อแม็กซ์ที่มีผิวเรียบ, ไฟหน้า, ไฟท้าย, กระจกมองข้าง,กะทะล้อ, ฝาครอบล้อพลาสติก, และวัสดุผิวเรียบมันทุกชนิด ทั้งสามารถใช้ทั้งรถเก่าและรถใหม่ รวมทั้งสีรถทุกประเภท
- น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค ยังสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดและเคลือบวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน สำนักงาน และทุกสถานที่ โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด
- น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค มีความเข้มข้นสูง ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง และไม่หมดสภาพเมื่อโดนน้ำ จึงสามารถนำมาผสมน้ำเช็ดทำความสะอาดรถได้ ผิวสีรถจะสะอาดมากขึ้น มีความแข็งแกร่ง และเงางามมากขึ้น
ผลการวิจัย น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน ของนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน CHRISTINA LAU GMGH, PRUFGERATE FUA พิสูจน์ว่า น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คาร์แลค 68 ซึ่งมีสารโพลีเอทธีลีน (Polyethylene) เป็นส่วนประกอบหลักให้ผลการปกป้องคุ้มครองสีรถได้สูงสุด
ระดับ ++ : ดีมาก
ระดับ + : ดี
ระดับ 00 : ปานกลาง
ระดับ 0 : พอใช้
ระดับ ïï : แย่มาก
น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน
- ล้างรถด้วยน้ำหรือแชมพูล้างรถ เช็ดรถให้แห้งหมาดๆ เทน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 บนผ้านุ่มเพียงเล็กน้อยแล้วเคลือบให้ทั่วผิวสีรถทั้งคัน รวมทั้งโครเมี่ยม และกระจกด้วย เคลือบแต่เพียงเบาๆ ให้ทั่วบริเวณ ส่วนใดที่มีคราบสกปรกฝังแน่น หรือมีริ้วรอยมาก ให้เพิ่มปริมาณน้ำยา แล้วเช็ดเคลือบบริเวณนั้นจนริ้วรอยต่างๆ จางลงหรือหมดไป หลังจากเคลือบเสร็จให้ทิ้งไว้ 30 นาที จนผิวสีรถแห้งเห็นเป็นฝ้าขาว ใช้ผ้านุ่มที่แห้งสะอาดเช็ดฝ้าขาวออกเพียงเบาๆ รถก็จะเงางามทันที
- หลังจากเคลือบสีตามวิธีที่ 1 หากต้องการความประหยัดและยืดอายุการเคลือบสีรถ ให้ยาวนานยิ่งขึ้น เมื่อล้างรถเสร็จ เช็ดรถให้หมาดๆ แล้วนำน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 3 ฝา ผสมน้ำสะอาด 2-3 ลิตร คนให้เข้ากัน ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำยาเช็ดให้ทั่วรถ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้ว ใช้ผ้าสำลีเช็ดรถให้แห้งสะอาด
น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบสีตามกลุ่มของเคมีภัณฑ์
CAR POLISHING AGENT ANALYSIS
การที่จะทราบถึงความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ คาร์แลค 68 ทางท่านผู้อ่านจำเป็นต้องศึกษาอย่างจริงจังเพื่อจะทราบว่าเคมีภัณฑ์ที่นำมาเคลือบบนผิวสีรถยนต์นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งในปัจจุบันน้ำยาเคลือบสีรถยนต์สามารถแบ่งได้ตามต้นกำเนิดของเคมีภัณฑ์ เช่นตระกูล Wax Silicone Polymer Resin หรือ Teflon ซึ่งสิ่งเหล่านี้แต่ละท่านจะต้องเข้าใจและสามารถถ่ายทอดให้เห็นถึงจุดแตกต่าง เพื่อตอกย้ำจุดเด่นในผลิตภัณฑ์ของ คาร์แลค 68 ทางผู้เขียน อยากให้ท่านคิดตาม และนำไปทดลองกับตัวท่านเองเพื่อท่านจะทราบว่าแตกต่างกันจริง
ในศตวรรษที่ 19 ได้มีนักวิจัยเกิดขึ้นจำนวนมากได้พยายามคิดค้น เคมีภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวสีรถยนต์ที่ดีที่สุดจนในที่สุดทีมคณะวิจัยของCAR-LACK CHEMIE KONSTANZ ได้ค้นพบสูตรทางเคมีที่รวบรวมความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสารเคมีต่างๆ รวมไว้ด้วยกันจนกลายเป็น น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ CAR-LACK 68 ขึ้น โดยมีส่วนผสมของสารเคมีหลักๆ คือ
- สารโพลีเอทธีลีน Polyethylene
- สารอะครีลิค Acrylic
- สารป้องกันรังสียูวี UV Protection
- สารทำความสะอาดผิวสี Cleaning Agent
ซึ่งสารเคมีหลัก ๆ คือ Polyethylene และ Acrylic จะมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรง และความคงทนให้กับแผ่นฟิล์ม โดยแฝงไปด้วยความเงางาม สารโพลีเอทธีลีนเป็นสารที่สกัดได้จากส่วนที่เป็น PE หรือ พลาสติก แต่ Polyethylene จะมีความเด่นตรงที่เป็นสารเคลือบแข็ง ที่ทนต่อความร้อนสูงมากๆ สังเกตได้จากถุงร้อน ที่นำมาใส่ก๋วยเตี๋ยว หรือน้ำแกงร้อนๆ กว่า 100 องศาเซลเซียส ลองคิดดูสิว่าชั้นผิว หรือ Layer ของถุงนั้นมีความหนาเท่าใด กี่มิลลิเซ็นต์ บางทีอาจเรียกว่าบางกว่าที่เราจะไปวัดได้ แต่เพราะเหตุใดผิวที่บางขนาดนั้นจึงสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ถูกเทผ่านน้ำลงไป และทำให้ถุงไม่ขาด ทั้งๆ ที่ถ้านำน้ำร้อนไปเทใส่วัสดุอื่นเช่น กระดาษ หนัง ก็คงเปื่อยทะลุเป็นแน่ นั่นคือความโดดเด่นของสารเคมีประเภท Polyethylene ที่มีความแข็งแกร่ง และมีความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 320 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ 160 องศาเซลเซียส สูงกว่าจุดเดือด ส่วน Acrylic เป็นสารเคมีที่ให้ความเงางามสูง ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินคนพูดว่า รถคันนี้พ่นสีอะครีลิค สีเมทัลลิค เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของ อะครีลิค คือความใส ความเงางามสูง ซึ่งสารเคมีนี้เองถูกหลอมรวมอยู่ในน้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คาร์แลค 68 สรุปคือ
สิ่งนี้เป็นเพียงศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์ ต่อไปนี้จะมาศึกษาความแตกต่างระหว่างเคมีภัณฑ์ที่นำมาเคลือบสีรถยนต์ที่มีอยู่ในท้องตลาด
สารเคมี / Chemical | ลักษณะคุณสมบัติ / Advantage-Disadvantage |
---|---|
Polyethylene (ใน CAR-LACK 68) *ตัวอย่างเช่น ถุงร้อนใส่อาหาร |
ข้อดี 1. ความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 320’F หรือ 160’C 2. มีแผ่นฟิล์มที่บางใส 3. มีความแข็งแกร่ง และทนทาน 4. สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ 5. สามารถผสมกับน้ำได้ข้อเสีย 1. ยากในการผลิต ต้องใช้ความร้อนที่สูง 2. มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเคมีภัณฑ์ทั่วไป |
Acrylic (ใน CAR-LACK 68) *ตัวอย่างเช่น สีอะครีลิค, แผ่นอะครีลิค |
ข้อดี 1. ให้ความเงางาม 2. ให้ความใส 3. สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ข้อเสีย 1. ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงในการผลิต 2. มีต้นทุนการผลิตสูง |
Wax (Kit, Cargo, Eagle One, Soft 99, Turtle Wax, Cadulac, Premium, Zymol**,Maguier**) *ตัวอย่างเช่น เทียนไข, ขี้ผึ้ง |
ข้อดี 1. มีความมัน เงางาม ใช้งานง่าย 2. สามารถผลิตในรูปแบบ Hard Wax ได้ 3. ต้นทุนต่ำข้อเสีย 1. ทนความร้อนได้เพียง 45’C – 70’C 2. เมื่อโดนความร้อน สีจะดูเป็นปื้นๆ 3. มีส่วนผสมของ Petroleum Base 4. ตั้งในที่เย็นมากจะเป็นไข หรือแยกชั้นน้ำยา 5. ไม่สามารถเคลือบกลางแดด หรือในที่มีอุณหภูมิสูง 6. เช็ดออกยากถ้าทิ้งไว้นานๆ 7. แผ่นฟิล์มไม่แข็งแรง 8. ไม่ทน ต้องเคลือบบ่อยๆ 9. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน**หมายเหตุ ถ้าเป็นเคมีที่ผลิตจาก CARNUBAR WAX แท้ๆ จะดีมากซึ่งต้นทุนสูง หายากมาก ผลิตได้จากไขสัตว์ : ไขปลาวาฬ ปัจจุบันได้เลิกแล้วเพราะถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยม Green Peace ยับยั้ง ปัจจุบันสกัดได้จากไขของพืช ซึ่งมีความคงทนสูง มีความมันเงา เช่น น้ำยา Zymol |
Silicone (AMWAY) *ตัวอย่างเช่นซิลิโคนที่ฝังในเต้านม,ซิลิโคนที่ใช้ในการยาแนว |
ข้อดี 1. เคลือบแล้วเงา 2. เป็นสารที่อยู่ในสภาพ Liquid 3. มีความยืดหยุ่นสูงข้อเสีย 1. ทนความร้อนได้เพียง 45’C – 75’C 2. มีสารกัดสีอ่อน ถ้าใช้กับสัน หรือขอบประตูสีจะหลุดง่าย 3. ไม่เหมาะที่จะเคลือบกลางแดด ข้างขวดมีเขียนไว้ 4. เมื่อเช็ดโดนพลาสติกๆ จะด่างขาวมีส่วนผสมของ Petroleum Base 5. แผ่นฟิล์มที่เคลือบสีไม่แข็งแรง 6. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน |
Polymer (Nu finish) เป็นสารที่มีอยู่ในคุณสมบัติของพลาสติกประเภท PE |
ข้อดี 1. สารเคลือบแข็ง 2. มีความเงางาม 3. เป็น Liquid Bas 4. ให้ความคงทนมากกว่าสารที่เป็น WAX, RASINข้อเสีย 1. เป็น Petroleum Base 2. ตั้งทิ้งไว้นานๆ น้ำยาอาจแยกชั้น 3. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ |
Resin (Autoglym) *ตัวอย่างเช่น กรอบรูปวิทยาศาสตร์ ทำจากเรซิ่น |
ข้อดี 1. มีความแข็งกว่า Wax, Silicone 2. มีความเงางาม ใส 3. เป็น Liquid Baseข้อเสีย 1. มีส่วนผสมของ Petroleum 2. มีการแยกชั้นถ้าทิ้งไว้ในที่เย็นนานๆ 3. ไม่สามารถเคลือบกลางแดดได้ 4. ถ้าเคลือบทิ้งไว้นานๆ เช็ดออกยากมาก 5. ไม่ทนต่อความร้อนสูง 6. ไม่สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน 7. ต้องเคลือบอยู่บ่อยครั้ง |
Teflon (Eagle One, Karshine, Bilstien) *ตัวอย่างเช่น กระทะเทฟล่อน |
ข้อดี 1. มีผิวที่ลื่น 2. มีความเงางามสูง 3. ใช้ง่ายข้อเสีย 1. ไม่ทนต่อการขูดขีด 2. ในต่างประเทศเคย รณรงค์ที่จะเลิกใช้สารเทฟลอนที่มีอาจมีอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง 3. มีส่วนผสมของ Petroleum Base 4. ทนต่อความร้อนได้จำกัด 5. ต้องเคลือบอยู่บ่อยครั้ง 6. ตั้งทิ้งไว้นานๆ น้ำยาจะแยกชั้น 7. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ |
* เป็นเพียงตัวอย่างเทียบเคียง มิได้หมายถึงเคมีเดียวกันทั้งหมด และมิได้ยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความสับสน เป็นเพียงการอุปมา อุปไมยให้เห็นภาพเท่านั้น
ขนาดบรรจุ
100 มล | 500 มล