Description

น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน

คุณสมบัติ

น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค นาโน ประกอบด้วยสารซึ่งทำหน้าที่ต่างกัน 4 ประเภท ดังนี้

  1. สารปกป้องสีรถยนต์ (Conserving Agents)
  2. สารที่ทำให้สีรถดูเป็นประกายสดใส และดูใหม่เสมอ (Shining Agents)
  3. สารทำความสะอาดผิวสี (Cleaning Agents)
  4. สารป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ที่เกิดจากแสงแดด (Ultraviolet (UV) Protective Agents)

การผลิตน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค  โดยการนำสารทั้ง 4 ประเภทมาผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของโรงงานในประเทศเยอรมันเท่านั้น อุณหภูมิระหว่างการผลิตจะสูงกว่าน้ำยาเคลือบสีอื่นๆทั่วไปมาก

สารประกอบสำคัญ น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน ซึ่งประกอบไปด้วยสารโพลีเอทธีลิน      (Polyethylene-Concentrate สารอะครีลิค (Acrylic Concentrate)   สารป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต     (UV Protective Filter) ชนิดเข้มข้น และสารทำความสะอาดผิวสี (Cleaning Agents) ทำให้น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 มีประสิทธิภาพสูง  สามารถนำมาใช้งานได้เอนกประสงค์และใช้งานง่ายเพียงขั้นตอนเดียว

  1. สามารถทำความสะอาดผิวสี        โดยไม่ทำลายหรือขัดผิวสีให้บางลงเหมือนน้ำยาขัดเงาทั่วไป    น้ำยาเคลือบสีคาร์แลค    สามารถขจัดคราบไคลที่ผังแน่น,ยางไม้,ยางมะตอย,มูลนก,คราบน้ำมัน, และเขม่าจากท่อไอเสียรถยนต์,คราบสนิม,คราบซิลิโคน,ที่เกิดจากยางรถยนต์ตลอดจนคราบสกปรกต่างๆ ที่เกาะอยู่ตามผิวสีรถ, กระจกและโครเมี่ยม
  2. ในขณะที่เคลือบสีรถนั้น   สารต่างๆ   ในน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68   จะแปรสภาพเป็นฟิล์มแข็งและใส       เคลือบทับผิวสีรถทำให้ผิวสีรถมีความเงางามสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งคัน   และทำให้ผิวสีรถแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม  สีรถจะไม่กรอบแตก ป้องกันรอยขีดข่วน ทนต่อมลภาวะต่างๆได้ดี เช่น กรดจากมูลนก, น้ำฝน,น้ำค้าง,ยางไม้,มลภาวะที่มีสภาพเป็นด่าง,แอลกอฮอล์, น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
  3. น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค  สามารถทนอุณหภูมิได้สูงถึง 160  องศาเซลเซียส หรือ 320 องศาฟาเรนไฮต์   เมื่อจอดรถตากแดด  ชั้นฟิล์มของน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 ที่เคลือบบนผิวสีรถจะไม่สลายตัวหรือเหนียวเหนอะ ตรงข้ามกับน้ำยาเคลือบสีที่ผสมด้วยแว็กซ์ (Wax) เป็นหลัก  ซึ่งจะหลอมเหลวที่อุณหภูมิระหว่าง   40-70 องศาเซลเซียส    เมื่อแว็กซ์โดนความร้อนจากแสงแดด   จะละลาย   เหนียว   ฝุ่นเกาะง่าย   สีรถจะมองดูเป็นคลื่น  หรือเงาเป็นชั้นๆ  ไม่สม่ำเสมอ มองเห็นเป็นรอยขนแมว หรือรอยคล้ายใยแมงมุมบนผิวสีรถ   อีกทั้งยังมีโอกาสที่ผิวสีรถ จะขึ้นฝ้าหรือมองดูหมองมัวอีกด้วย
  4. เมื่อเคลือบสีด้วยคาร์แลค    ผิวสีรถจะมีความลื่น   น้ำจะไม่เกาะผิวสี เช็ดออกง่าย   เวลาล้างรถก็จะเร็วและง่ายขึ้น   สามารถล้างรถด้วยแชมพูล้างรถทุกชนิดได้   เนื่องจากแชมพูล้างรถไม่สามารถทำลายสารเคลือบสีของน้ำยาคาร์แลค 68ได้
  5. น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค    มีสารป้องกันรังสียูวี   ชนิดเข้มข้น ทำให้ผิวสีรถสามารถสะท้อนรังสียูวีได้สูงถึง   72%       ซึ่งสูงกว่าน้ำยาเคลือบสีทั่วไปถึง 47.5% ซึ่งรังสียูวีส่งผลให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพก่อนถึงเวลาอันสมควร
  6. น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค  ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง จึงไม่ติดไฟ ไม่กัดผิวหนัง   ไม่มีสารกัดกร่อนจึงไม่กัดทำลายยางขอบประตูรถ,   ยางใบปัดน้ำฝน,   วัสดุที่เป็นพลาสติก,   สายไฟ,   ไวนิล  และส่วนประกอบอื่นๆ ของรถยนต์       ดังนั้นน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68     จึงสามารถใช้กับกระจกรถ,โครเมี่ยม, ล้อแม็กซ์ที่มีผิวเรียบ, ไฟหน้า, ไฟท้าย, กระจกมองข้าง,กะทะล้อ, ฝาครอบล้อพลาสติก,  และวัสดุผิวเรียบมันทุกชนิด ทั้งสามารถใช้ทั้งรถเก่าและรถใหม่ รวมทั้งสีรถทุกประเภท
  7. น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค  ยังสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดและเคลือบวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน สำนักงาน และทุกสถานที่ โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด
  8. น้ำยาเคลือบสี คาร์แลค  มีความเข้มข้นสูง  ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง  และไม่หมดสภาพเมื่อโดนน้ำ จึงสามารถนำมาผสมน้ำเช็ดทำความสะอาดรถได้  ผิวสีรถจะสะอาดมากขึ้น มีความแข็งแกร่ง และเงางามมากขึ้น

ผลการวิจัย น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน ของนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน CHRISTINA LAU GMGH, PRUFGERATE FUA พิสูจน์ว่า น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คาร์แลค 68 ซึ่งมีสารโพลีเอทธีลีน (Polyethylene) เป็นส่วนประกอบหลักให้ผลการปกป้องคุ้มครองสีรถได้สูงสุด

ตา

ระดับ ++ : ดีมาก

ระดับ + : ดี

ระดับ 00 : ปานกลาง

ระดับ 0 : พอใช้

ระดับ ïï : แย่มาก

น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน

  1. ล้างรถด้วยน้ำหรือแชมพูล้างรถ เช็ดรถให้แห้งหมาดๆ เทน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 บนผ้านุ่มเพียงเล็กน้อยแล้วเคลือบให้ทั่วผิวสีรถทั้งคัน  รวมทั้งโครเมี่ยม  และกระจกด้วย เคลือบแต่เพียงเบาๆ   ให้ทั่วบริเวณ   ส่วนใดที่มีคราบสกปรกฝังแน่น   หรือมีริ้วรอยมาก   ให้เพิ่มปริมาณน้ำยา    แล้วเช็ดเคลือบบริเวณนั้นจนริ้วรอยต่างๆ    จางลงหรือหมดไป   หลังจากเคลือบเสร็จให้ทิ้งไว้ 30 นาที   จนผิวสีรถแห้งเห็นเป็นฝ้าขาว ใช้ผ้านุ่มที่แห้งสะอาดเช็ดฝ้าขาวออกเพียงเบาๆ รถก็จะเงางามทันที
  2. หลังจากเคลือบสีตามวิธีที่ 1   หากต้องการความประหยัดและยืดอายุการเคลือบสีรถ  ให้ยาวนานยิ่งขึ้น เมื่อล้างรถเสร็จ เช็ดรถให้หมาดๆ  แล้วนำน้ำยาเคลือบสีคาร์แลค 68 3 ฝา ผสมน้ำสะอาด 2-3 ลิตร  คนให้เข้ากัน  ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำยาเช็ดให้ทั่วรถ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้ว ใช้ผ้าสำลีเช็ดรถให้แห้งสะอาด

น้ำยาเคลือบสีรถ คาร์แลค นาโน

การเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบสีตามกลุ่มของเคมีภัณฑ์
CAR POLISHING AGENT ANALYSIS

 

การที่จะทราบถึงความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ คาร์แลค 68 ทางท่านผู้อ่านจำเป็นต้องศึกษาอย่างจริงจังเพื่อจะทราบว่าเคมีภัณฑ์ที่นำมาเคลือบบนผิวสีรถยนต์นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งในปัจจุบันน้ำยาเคลือบสีรถยนต์สามารถแบ่งได้ตามต้นกำเนิดของเคมีภัณฑ์ เช่นตระกูล Wax Silicone Polymer Resin หรือ Teflon ซึ่งสิ่งเหล่านี้แต่ละท่านจะต้องเข้าใจและสามารถถ่ายทอดให้เห็นถึงจุดแตกต่าง เพื่อตอกย้ำจุดเด่นในผลิตภัณฑ์ของ คาร์แลค 68 ทางผู้เขียน อยากให้ท่านคิดตาม และนำไปทดลองกับตัวท่านเองเพื่อท่านจะทราบว่าแตกต่างกันจริง

ในศตวรรษที่ 19 ได้มีนักวิจัยเกิดขึ้นจำนวนมากได้พยายามคิดค้น เคมีภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวสีรถยนต์ที่ดีที่สุดจนในที่สุดทีมคณะวิจัยของCAR-LACK CHEMIE KONSTANZ ได้ค้นพบสูตรทางเคมีที่รวบรวมความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสารเคมีต่างๆ รวมไว้ด้วยกันจนกลายเป็น น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ CAR-LACK 68 ขึ้น โดยมีส่วนผสมของสารเคมีหลักๆ คือ

  1. สารโพลีเอทธีลีน Polyethylene
  2. สารอะครีลิค Acrylic
  3. สารป้องกันรังสียูวี UV Protection
  4. สารทำความสะอาดผิวสี Cleaning Agent

ซึ่งสารเคมีหลัก ๆ คือ Polyethylene  และ Acrylic   จะมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรง  และความคงทนให้กับแผ่นฟิล์ม โดยแฝงไปด้วยความเงางาม สารโพลีเอทธีลีนเป็นสารที่สกัดได้จากส่วนที่เป็น PE หรือ พลาสติก แต่ Polyethylene จะมีความเด่นตรงที่เป็นสารเคลือบแข็ง ที่ทนต่อความร้อนสูงมากๆ สังเกตได้จากถุงร้อน ที่นำมาใส่ก๋วยเตี๋ยว หรือน้ำแกงร้อนๆ กว่า 100 องศาเซลเซียส ลองคิดดูสิว่าชั้นผิว หรือ Layer ของถุงนั้นมีความหนาเท่าใด กี่มิลลิเซ็นต์ บางทีอาจเรียกว่าบางกว่าที่เราจะไปวัดได้ แต่เพราะเหตุใดผิวที่บางขนาดนั้นจึงสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ถูกเทผ่านน้ำลงไป และทำให้ถุงไม่ขาด ทั้งๆ ที่ถ้านำน้ำร้อนไปเทใส่วัสดุอื่นเช่น กระดาษ หนัง ก็คงเปื่อยทะลุเป็นแน่ นั่นคือความโดดเด่นของสารเคมีประเภท Polyethylene ที่มีความแข็งแกร่ง และมีความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 320 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ 160 องศาเซลเซียส สูงกว่าจุดเดือด ส่วน   Acrylic   เป็นสารเคมีที่ให้ความเงางามสูง   ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินคนพูดว่า    รถคันนี้พ่นสีอะครีลิค สีเมทัลลิค เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของ อะครีลิค คือความใส ความเงางามสูง ซึ่งสารเคมีนี้เองถูกหลอมรวมอยู่ในน้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คาร์แลค 68 สรุปคือ

สิ่งนี้เป็นเพียงศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์ ต่อไปนี้จะมาศึกษาความแตกต่างระหว่างเคมีภัณฑ์ที่นำมาเคลือบสีรถยนต์ที่มีอยู่ในท้องตลาด

สารเคมี / Chemical ลักษณะคุณสมบัติ / Advantage-Disadvantage
Polyethylene (ใน CAR-LACK 68)
*ตัวอย่างเช่น ถุงร้อนใส่อาหาร
ข้อดี
1. ความคงทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 320’F หรือ 160’C
2. มีแผ่นฟิล์มที่บางใส
3. มีความแข็งแกร่ง และทนทาน
4. สามารถนำไปเคลือบกระจกได้
5. สามารถผสมกับน้ำได้ข้อเสีย
1. ยากในการผลิต ต้องใช้ความร้อนที่สูง
2. มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเคมีภัณฑ์ทั่วไป
Acrylic (ใน CAR-LACK 68)
*ตัวอย่างเช่น สีอะครีลิค, แผ่นอะครีลิค
ข้อดี
1. ให้ความเงางาม
2. ให้ความใส
3. สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ข้อเสีย
1. ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงในการผลิต
2. มีต้นทุนการผลิตสูง
Wax (Kit, Cargo, Eagle One, Soft 99, Turtle Wax, Cadulac, Premium, Zymol**,Maguier**)
*ตัวอย่างเช่น เทียนไข, ขี้ผึ้ง
ข้อดี
1. มีความมัน เงางาม ใช้งานง่าย
2. สามารถผลิตในรูปแบบ Hard Wax ได้
3. ต้นทุนต่ำข้อเสีย
1. ทนความร้อนได้เพียง 45’C – 70’C
2. เมื่อโดนความร้อน สีจะดูเป็นปื้นๆ
3. มีส่วนผสมของ Petroleum Base
4. ตั้งในที่เย็นมากจะเป็นไข หรือแยกชั้นน้ำยา
5. ไม่สามารถเคลือบกลางแดด หรือในที่มีอุณหภูมิสูง
6. เช็ดออกยากถ้าทิ้งไว้นานๆ
7. แผ่นฟิล์มไม่แข็งแรง
8. ไม่ทน ต้องเคลือบบ่อยๆ
9. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน**หมายเหตุ ถ้าเป็นเคมีที่ผลิตจาก CARNUBAR WAX แท้ๆ จะดีมากซึ่งต้นทุนสูง หายากมาก ผลิตได้จากไขสัตว์ : ไขปลาวาฬ ปัจจุบันได้เลิกแล้วเพราะถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยม Green Peace ยับยั้ง ปัจจุบันสกัดได้จากไขของพืช ซึ่งมีความคงทนสูง มีความมันเงา เช่น น้ำยา Zymol
Silicone (AMWAY)
*ตัวอย่างเช่นซิลิโคนที่ฝังในเต้านม,ซิลิโคนที่ใช้ในการยาแนว
ข้อดี
1. เคลือบแล้วเงา
2. เป็นสารที่อยู่ในสภาพ Liquid
3. มีความยืดหยุ่นสูงข้อเสีย
1. ทนความร้อนได้เพียง 45’C – 75’C
2. มีสารกัดสีอ่อน ถ้าใช้กับสัน หรือขอบประตูสีจะหลุดง่าย
3. ไม่เหมาะที่จะเคลือบกลางแดด ข้างขวดมีเขียนไว้
4. เมื่อเช็ดโดนพลาสติกๆ จะด่างขาวมีส่วนผสมของ Petroleum Base
5. แผ่นฟิล์มที่เคลือบสีไม่แข็งแรง
6. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน
Polymer (Nu finish)
เป็นสารที่มีอยู่ในคุณสมบัติของพลาสติกประเภท PE
ข้อดี
1. สารเคลือบแข็ง
2. มีความเงางาม
3. เป็น Liquid Bas
4. ให้ความคงทนมากกว่าสารที่เป็น WAX, RASINข้อเสีย
1. เป็น Petroleum Base
2. ตั้งทิ้งไว้นานๆ น้ำยาอาจแยกชั้น
3. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้
Resin (Autoglym)
*ตัวอย่างเช่น กรอบรูปวิทยาศาสตร์ ทำจากเรซิ่น
ข้อดี
1. มีความแข็งกว่า Wax, Silicone
2. มีความเงางาม ใส
3. เป็น Liquid Baseข้อเสีย
1. มีส่วนผสมของ Petroleum
2. มีการแยกชั้นถ้าทิ้งไว้ในที่เย็นนานๆ
3. ไม่สามารถเคลือบกลางแดดได้
4. ถ้าเคลือบทิ้งไว้นานๆ เช็ดออกยากมาก
5. ไม่ทนต่อความร้อนสูง
6. ไม่สามารถนำไปเคลือบกระจกได้ เพราะมีน้ำมัน
7. ต้องเคลือบอยู่บ่อยครั้ง
Teflon (Eagle One, Karshine, Bilstien)
*ตัวอย่างเช่น กระทะเทฟล่อน
ข้อดี
1. มีผิวที่ลื่น
2. มีความเงางามสูง
3. ใช้ง่ายข้อเสีย
1. ไม่ทนต่อการขูดขีด
2. ในต่างประเทศเคย รณรงค์ที่จะเลิกใช้สารเทฟลอนที่มีอาจมีอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
3. มีส่วนผสมของ Petroleum Base
4. ทนต่อความร้อนได้จำกัด
5. ต้องเคลือบอยู่บ่อยครั้ง
6. ตั้งทิ้งไว้นานๆ น้ำยาจะแยกชั้น
7. ไม่สามารถนำไปเคลือบกับกระจกได้

* เป็นเพียงตัวอย่างเทียบเคียง มิได้หมายถึงเคมีเดียวกันทั้งหมด และมิได้ยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความสับสน เป็นเพียงการอุปมา อุปไมยให้เห็นภาพเท่านั้น

ขนาดบรรจุ

100 มล | 500 มล

เคลือบสี
เคลือบสีรถ
เคลือบสี
เคลือบสีรถ

เคลือบสีด้วย นาโน ตลอด 1 ล้านกิโลเมตร

Previous Next
Close
Test Caption
Test Description goes like this